ข้อบังคับ
สมาคมศิษย์เก่านิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
หมวดที่ 1
ความทั่วไป
ข้อ 1. สมาคมนี้ชื่อว่า สมาคมศิษย์เก่านิติศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ใช้ชื่อย่อว่า“สก.มรส.”เขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “FACUILTY OF LAW SURATTHANI RAJABHAT UNIVERSITYALUMNI ASSOCIATION”
ข้อ 2. สมาคมนี้ตั้ง ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เครื่องหมายของสมาคม คือ
ข้อ 3. วัตถุประสงค์ของสมาคม คือ
(1) เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของคณะนิติศาสตร์
(2) ส่งเสริมความร่วมมือและเผยแพร่วิทยาการทางด้านนิติศาสตร์ ระหว่างสมาชิกกับสมาคมหรือสถาบันทางกฎหมาย
(3) บำเพ็ญสาธารณประโยชน์การกุศลสาธารณะแก่ท้องถิ่นและสังคม
(4) สนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ และธำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงและเกียรติคุณของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
(5) บริการวิชาการนิติศาสตร์แก่สังคมและท้องถิ่น
(6) สมาคมนี้ตั้งขึ้นเพื่อสาธารณะประโยชน์ไม่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่แสวงหาผลกำไร
(7) สมาคมนี้จะไม่มีการจัดตั้งโต๊ะสนุกเกอร์ และบิลเลียด
หมวดที่ 2
สมาชิก
ข้อ 4. สมาชิกของสมาคมนี้มี 3ประเภท คือ
(1) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ผู้ซึ่งคณะกรรมการเชิญเข้าเป็นสมาชิกเพื่อเป็นเกียรติแก่สมาคมด้วยคะแนน เสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการที่เข้าประชุม
(2) สมาชิกสามัญ ได้แก่ ผู้สำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
(3) สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ ผู้บริหาร คณาจารย์ อาจารย์พิเศษ บุคลากร และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
ข้อ 5. ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกวิสามัญต้องยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อ นายทะเบียน และผู้นั้นจะเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์นับแต่วันที่นายทะเบียนจดแจ้งชื่อใน ทะเบียนสมาชิก
ข้อ 6. สมาชิกจะต้องเสียค่าจดทะเบียนในการสมัครเป็นสมาชิกคนละ 50 บาทโดยชำระพร้อมกับการยื่นคำขอสมัครเป็นสมาชิก
-สมาชิกสามัญเสียค่าบำรุงปีละ 100 บาท หรือตลอดชีพ1,000 บาท
-สมาชิกวิสามัญเสียค่าบำรุงปีละ 50 บาท
ให้ คณะกรรมการ มีอำนาจกำหนดวิธีชำระบำรุงหรือเปลี่ยนแปลงอัตราค่าสมัครและค่าบำรุงได้ตาม ที่เห็นสมควรไว้ แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงสมาชิกที่ ได้สมัครและชำระค่าบำรุงไว้แล้ว
ข้อ 7. สมาชิกมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ใดๆ ที่สมาคมจักอำนวยให้ได้
ข้อ 8.สมาชิกอาจแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของสมาคม
ข้อ 9. สมาชิกมีสิทธิที่จะเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญ และประชุมใหญ่วิสามัญ ทั้งมีสิทธิขอรับทราบหรือตรวจดูกิจการ การบัญชี การเงิน การทะเบียน ของสมาคม
ข้อ 10. สมาชิกมีหน้าที่ดังต่อไปนี้คือ
(1)ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบของสมาคม
(2)ต้องรักษาคุณธรรมความดีงาม และไม่ประพฤติเสี่ยมเสีย
(3)ช่วยส่งเสริมและร่วมมือในกิจการของสมาคมให้เจริญก้าวหน้า
ข้อ 11. สมาชิกขาดจากสมาชิกภาพเมื่อ
(1)ตาย
(2)ลาออก
(3) ไม่ชำระค่าบำรุงรักษาติดต่อกัน 2 ปี
(4) คณะกรรมการมีมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียน
ข้อ 12. สมาชิกผู้ใดประสงค์จะลาออกจากสมาชิกภาพก็ย่อมทำได้โดยแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือ
ข้อ 13. สมาชิกที่ขาดจากสมาชิกภาพนั้นมีสิทธิยื่นคำขอเป็นสมาชิกได้อีกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ขาดจากสมาชิกภาพ และกรณีคณะกรรมการได้พิจารณาคำขอและไม่ยอมรับ ผู้นั้นเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ผู้นั้นอาจยื่นคำขอได้อีกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการวินิจฉัยไม่ยอมรับเป็นสมาชิก
ข้อ 14. คะแนนเสียงของคณะกรรมการในการลงชื่อของสมาชิก ต้องมีจำนวน 3 ใน4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
หมวดที่ 3
การดำเนินกิจการสมาคม
ข้อ 15.ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมมีจำนวนอย่างน้อยสิบคน อย่างมากไม่เกินยี่สิบคน คณะกรรมการนี้ต้องเป็นสมาชิกสามัญที่ได้มาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ ของสมาคม และให้ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งกันเองเป็นนายก 1 คน และอุปนายก 3 คน สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆให้นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้ง ผู้ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่เข้าดำรงตำแหน่งต่างๆของสมาคมตามที่ได้ กำหนดไว้ ซึ่งตำแน่งของกรรมการสมาคมมีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังนี้
1. นายกสมาคม มีหน้าที่ควบคุมการบริหารสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการหรืออนุกรรมการต่างๆของสมาคม เป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือบุคคลภายนอก และเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร และการประชุมใหญ่
2. อุปนายก มีหน้าที่ทำการแทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถทำการได้ รวมทั้งงานอื่นๆ ที่นายกสมาคมมอบหมาย
3. เลขาธิการ มีหน้าที่กำกับดูแลงานธุรการของสมาคม นัดประชุม จัดเตรียมวาระการประชุมและจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารและการ ประชุมใหญ่ และดำเนินงานหรือกิจการอื่นๆ ของสมาคมที่มิได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการอื่นโดยเฉพาะ
4. เหรัญญิก มีหน้าที่รับจ่ายและรักษาเงิน ทำบัญชีและเก็บรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงิน
5. นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำทะเบียนสมาชิก และจดให้มีการลงทะเบียนเมื่อมีการประชุมใหญ่
6. กรรมการอื่นๆ มีหน้าที่ตามที่คณะกรรมการบริหารมอบหมาย การประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนจึงเป็นองค์ประชุม
ข้อ 16. สมาชิกสามัญที่จะรับเลือกตั้งเป็นนายกหรือกรรมการของสมาคมจะต้องอยู่ในที่ ประชุมใหญ่หรือได้ความจำนงเป็นหนังสือต่อที่ประชุมใหญ่โดยได้ยื่นต่อ เลขาธิการไว้แล้ว
ข้อ 17. นายกหรือกรรมการของสมาคม ดำรงตำแหน่งวาระละ 2 ปี แต่จะได้รับเลือกตั้งเป็น นายกหรือกรรมการเกินกว่า 2วาระติดต่อกันมิได้
ข้อ 18. ภายใต้บังคับของข้อ 14มติของคณะกรรมการที่ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานเป็นผู้ชี้ขาด
การลงคะแนนเสียงในที่ประชุมคณะกรรมการ ให้ใช้วิธีชูมือ แต่ถ้ากรรมการ 2 คนร้องขอ ก็ให้ประธานสั่งการไห้ลงคะแนนรับได้
ข้อ 19. นายกหรือกรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ครบวาระ
(3) ลาออก
(4) ขาดจากการเป็นสมาชิกภาพ
ถ้า นายกพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งกรรมการคนหนึ่งรักษาการแทนจนกว่าที่ประชุมใหญ่ จะทำการเลือกตั้งนายกขึ้นใหม่และให้อยู่ในตำแหน่ง ได้เท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ถ้า กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้กรรมการแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับคะแนนถัดไปเป็นกรรมการแทน โดยให้อยู่ในตำแหน่งได้เท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ข้อ 20. คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารสมาคม
หมวดที่ 4
การประชุมใหญ่
ข้อ 21. การประชุมมี 3 ลักษณะดังนี้
21.1 การประชุมใหญ่ ได้แก่ การประชุมสมาชิก เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคม การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม หรือการกำหนดตำแหน่งกรรมการเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด
21.2 การประชุมสามัญประจำปี ได้แก่ การประชุมสมาชิก ประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือ กำหนดวิธีการและการแก้ปัญหาต่างๆการรายงานกิจการ และฐานะทางการเงินของสมาคม
21.3 การประชุมวิสามัญ คณะกรรมการบริหารสมาคมย่อมมีมติให้เชิญประชุมสมาชิกตามโอกาสที่จำเป็นและเหมาะสมได้
ข้อ 22. การเรียกประชุมสมาชิก ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งเชิญประชุมให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
ข้อ 23. มติที่ประชุมใช้เสียงข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการประชุมลักษณะใดก็ตาม
ข้อ 24. คณะกรรมการจะต้องจัดให้การประชุมใหญ่สามัญประจำปีปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี
ข้อ 25. การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
25.1 แถลงกิการที่ผ่านมาในรอบปี
25.2 แถลงบัญชีรายรับ รายจ่ายและบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ
25.3 เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ
25.4 เลือกตั้งผู้สอบบัญชี ถ้ามี
25.5 เรื่องอื่นๆ ถ้าที
หมวดที่ 5
การเงินและทรัพย์สิน
ข้อ 26. สมาคมมีรายได้จากแหล่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
26.1 จากค่าธรรมเนียมสมาชิก
26.2 จากเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาค
26.3 จากเงินอุดหนุนของมหาวิทยาลัย
26.4 จากการจัดกิจกรรมของสมาคม
26.5 จากรายได้อื่นๆ
ข้อ 27. การเงินของสมาคมให้ดำเนินการไปตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร และให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
ข้อ 28. ให้คณะกรรมการบริหารสมาคมรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินและการบัญชีและมีหน้าที่ จัดทำบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน ของสมาคมให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และมีหน้าที่เสนอให้ผู้ตรวจบัญชีของสมาคมตรวจสอบและรับรองให้ถูกต้อง
ข้อ 29. เงินของสมาคมให้ฝากไว้ในสถาบันการเงินในนามของสมาคม
– ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บเงินสดไว้ในมือเพื่อใช้จ่ายไม่เกินคราวละ 10,000 บาท
– นายกและเหรัญญิกของสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินไม่เกินคราวละ 50,000 บาท หากเกิน
กว่า 50,000 บาท จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อนจึงจะสั่งจ่ายได้
ข้อ 30. การกำหนดรอบปีบัญชีให้เป็นไปตามปีปฏิทิน
ข้อ 31. คณะกรรมการบริหารสมาคม ต้องจัดทำรายงานแจ้งฐานะทางการเงินของสมาคมให้สมาชิกทราบ ก่อนมีการประชุมสามัญประจำปี
หมวดที่ 6
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม
ข้อ 32. คณะกรรมการบริหารสมาคม หรือสมาชิกไม่น้อยกว่า 30 คน มีสิทธิ์ยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม โดยระบุสาระ หลักการ และเหตุผลในการขอแก้ไข
ข้อ 33. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ จะต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมใหญ่และจะต้องได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนน เสียงไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มาประชุม
ข้อ 34. สมาคมนี้จะเลิกได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกสามัญทั้งหมด
ข้อ 35. เมื่อเลิกสมาคมแล้ว ให้ทรัพย์สินของสมาคมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เพื่อใช้เป็นกิจการของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
หมวดที่ 7
บทเฉพาะกาล
ข้อ 36. ให้คณะผู้เริ่มการก่อตั้งสมาคมดังปรากฎรายชื่อในคำขอจดทะเบียนสมาคม ทำหน้าที่และรักษาการคณะกรรมการจนกว่าจะได้เลือกตั้งคณะกรรมการชุดแรกขึ้น
ข้อ 37. ให้คณะผู้เริ่มก่อการดำเนินการรับสมัครสมาชิกและเรียกประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกภายใน180วัน นับจากวันจดทะเบียนสมาคม
ข้อบังคับ
สมาคมศิษย์เก่านิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
หมวดที่ 1
ความทั่วไป
ข้อ 1. สมาคมนี้ชื่อว่า สมาคมศิษย์เก่านิติศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ใช้ชื่อย่อว่า“สก.มรส.”เขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “FACUILTY OF LAW SURATTHANI RAJABHAT UNIVERSITYALUMNI ASSOCIATION”
ข้อ 2. สมาคมนี้ตั้ง ณ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เครื่องหมายของสมาคม คือ
ข้อ 3. วัตถุประสงค์ของสมาคม คือ
(1) เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของคณะนิติศาสตร์
(2) ส่งเสริมความร่วมมือและเผยแพร่วิทยาการทางด้านนิติศาสตร์ ระหว่างสมาชิกกับสมาคมหรือสถาบันทางกฎหมาย
(3) บำเพ็ญสาธารณประโยชน์การกุศลสาธารณะแก่ท้องถิ่นและสังคม
(4) สนับสนุนและส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ และธำรงไว้ซึ่งชื่อเสียงและเกียรติคุณของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
(5) บริการวิชาการนิติศาสตร์แก่สังคมและท้องถิ่น
(6) สมาคมนี้ตั้งขึ้นเพื่อสาธารณะประโยชน์ไม่มีวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่แสวงหาผลกำไร
(7) สมาคมนี้จะไม่มีการจัดตั้งโต๊ะสนุกเกอร์ และบิลเลียด
หมวดที่ 2
สมาชิก
ข้อ 4. สมาชิกของสมาคมนี้มี 3ประเภท คือ
(1) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ ผู้ซึ่งคณะกรรมการเชิญเข้าเป็นสมาชิกเพื่อเป็นเกียรติแก่สมาคมด้วยคะแนน เสียง 2 ใน 3 ของคณะกรรมการที่เข้าประชุม
(2) สมาชิกสามัญ ได้แก่ ผู้สำเร็จการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
(3) สมาชิกวิสามัญ ได้แก่ ผู้บริหาร คณาจารย์ อาจารย์พิเศษ บุคลากร และนักศึกษาคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
ข้อ 5. ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกวิสามัญต้องยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อ นายทะเบียน และผู้นั้นจะเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์นับแต่วันที่นายทะเบียนจดแจ้งชื่อใน ทะเบียนสมาชิก
ข้อ 6. สมาชิกจะต้องเสียค่าจดทะเบียนในการสมัครเป็นสมาชิกคนละ 50 บาทโดยชำระพร้อมกับการยื่นคำขอสมัครเป็นสมาชิก
-สมาชิกสามัญเสียค่าบำรุงปีละ 100 บาท หรือตลอดชีพ1,000 บาท
-สมาชิกวิสามัญเสียค่าบำรุงปีละ 50 บาท
ให้ คณะกรรมการ มีอำนาจกำหนดวิธีชำระบำรุงหรือเปลี่ยนแปลงอัตราค่าสมัครและค่าบำรุงได้ตาม ที่เห็นสมควรไว้ แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงสมาชิกที่ ได้สมัครและชำระค่าบำรุงไว้แล้ว
ข้อ 7. สมาชิกมีสิทธิได้รับผลประโยชน์ใดๆ ที่สมาคมจักอำนวยให้ได้
ข้อ 8.สมาชิกอาจแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจการของสมาคม
ข้อ 9. สมาชิกมีสิทธิที่จะเข้าร่วมประชุมใหญ่สามัญ และประชุมใหญ่วิสามัญ ทั้งมีสิทธิขอรับทราบหรือตรวจดูกิจการ การบัญชี การเงิน การทะเบียน ของสมาคม
ข้อ 10. สมาชิกมีหน้าที่ดังต่อไปนี้คือ
(1)ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบของสมาคม
(2)ต้องรักษาคุณธรรมความดีงาม และไม่ประพฤติเสี่ยมเสีย
(3)ช่วยส่งเสริมและร่วมมือในกิจการของสมาคมให้เจริญก้าวหน้า
ข้อ 11. สมาชิกขาดจากสมาชิกภาพเมื่อ
(1)ตาย
(2)ลาออก
(3) ไม่ชำระค่าบำรุงรักษาติดต่อกัน 2 ปี
(4) คณะกรรมการมีมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียน
ข้อ 12. สมาชิกผู้ใดประสงค์จะลาออกจากสมาชิกภาพก็ย่อมทำได้โดยแจ้งความประสงค์เป็นหนังสือ
ข้อ 13. สมาชิกที่ขาดจากสมาชิกภาพนั้นมีสิทธิยื่นคำขอเป็นสมาชิกได้อีกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ขาดจากสมาชิกภาพ และกรณีคณะกรรมการได้พิจารณาคำขอและไม่ยอมรับ ผู้นั้นเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ผู้นั้นอาจยื่นคำขอได้อีกเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการวินิจฉัยไม่ยอมรับเป็นสมาชิก
ข้อ 14. คะแนนเสียงของคณะกรรมการในการลงชื่อของสมาชิก ต้องมีจำนวน 3 ใน4 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด
หมวดที่ 3
การดำเนินกิจการสมาคม
ข้อ 15.ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของสมาคมมีจำนวนอย่างน้อยสิบคน อย่างมากไม่เกินยี่สิบคน คณะกรรมการนี้ต้องเป็นสมาชิกสามัญที่ได้มาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ ของสมาคม และให้ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่เลือกตั้งกันเองเป็นนายก 1 คน และอุปนายก 3 คน สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆให้นายกสมาคมเป็นผู้แต่งตั้ง ผู้ที่ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่เข้าดำรงตำแหน่งต่างๆของสมาคมตามที่ได้ กำหนดไว้ ซึ่งตำแน่งของกรรมการสมาคมมีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังนี้
1. นายกสมาคม มีหน้าที่ควบคุมการบริหารสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งและถอดถอนกรรมการหรืออนุกรรมการต่างๆของสมาคม เป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือบุคคลภายนอก และเป็นประธานที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร และการประชุมใหญ่
2. อุปนายก มีหน้าที่ทำการแทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถทำการได้ รวมทั้งงานอื่นๆ ที่นายกสมาคมมอบหมาย
3. เลขาธิการ มีหน้าที่กำกับดูแลงานธุรการของสมาคม นัดประชุม จัดเตรียมวาระการประชุมและจัดทำรายงานการประชุมคณะกรรมการบริหารและการ ประชุมใหญ่ และดำเนินงานหรือกิจการอื่นๆ ของสมาคมที่มิได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรรมการอื่นโดยเฉพาะ
4. เหรัญญิก มีหน้าที่รับจ่ายและรักษาเงิน ทำบัญชีและเก็บรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงิน
5. นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำทะเบียนสมาชิก และจดให้มีการลงทะเบียนเมื่อมีการประชุมใหญ่
6. กรรมการอื่นๆ มีหน้าที่ตามที่คณะกรรมการบริหารมอบหมาย การประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งจำนวนจึงเป็นองค์ประชุม
ข้อ 16. สมาชิกสามัญที่จะรับเลือกตั้งเป็นนายกหรือกรรมการของสมาคมจะต้องอยู่ในที่ ประชุมใหญ่หรือได้ความจำนงเป็นหนังสือต่อที่ประชุมใหญ่โดยได้ยื่นต่อ เลขาธิการไว้แล้ว
ข้อ 17. นายกหรือกรรมการของสมาคม ดำรงตำแหน่งวาระละ 2 ปี แต่จะได้รับเลือกตั้งเป็น นายกหรือกรรมการเกินกว่า 2วาระติดต่อกันมิได้
ข้อ 18. ภายใต้บังคับของข้อ 14มติของคณะกรรมการที่ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ให้ประธานเป็นผู้ชี้ขาด
การลงคะแนนเสียงในที่ประชุมคณะกรรมการ ให้ใช้วิธีชูมือ แต่ถ้ากรรมการ 2 คนร้องขอ ก็ให้ประธานสั่งการไห้ลงคะแนนรับได้
ข้อ 19. นายกหรือกรรมการพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ครบวาระ
(3) ลาออก
(4) ขาดจากการเป็นสมาชิกภาพ
ถ้า นายกพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งกรรมการคนหนึ่งรักษาการแทนจนกว่าที่ประชุมใหญ่ จะทำการเลือกตั้งนายกขึ้นใหม่และให้อยู่ในตำแหน่ง ได้เท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ถ้า กรรมการพ้นจากตำแหน่งก่อนครบกำหนดตามวาระ ให้กรรมการแต่งตั้งบุคคลที่ได้รับคะแนนถัดไปเป็นกรรมการแทน โดยให้อยู่ในตำแหน่งได้เท่ากำหนดเวลาของผู้ซึ่งตนแทน
ข้อ 20. คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารสมาคม
หมวดที่ 4
การประชุมใหญ่
ข้อ 21. การประชุมมี 3 ลักษณะดังนี้
21.1 การประชุมใหญ่ ได้แก่ การประชุมสมาชิก เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคม การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม หรือการกำหนดตำแหน่งกรรมการเพิ่มเติม ซึ่งจะต้องมีสมาชิกเข้าร่วมประชุม ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมด
21.2 การประชุมสามัญประจำปี ได้แก่ การประชุมสมาชิก ประจำปีอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อปรึกษาหารือ กำหนดวิธีการและการแก้ปัญหาต่างๆการรายงานกิจการ และฐานะทางการเงินของสมาคม
21.3 การประชุมวิสามัญ คณะกรรมการบริหารสมาคมย่อมมีมติให้เชิญประชุมสมาชิกตามโอกาสที่จำเป็นและเหมาะสมได้
ข้อ 22. การเรียกประชุมสมาชิก ให้ทำเป็นหนังสือแจ้งเชิญประชุมให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
ข้อ 23. มติที่ประชุมใช้เสียงข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการประชุมลักษณะใดก็ตาม
ข้อ 24. คณะกรรมการจะต้องจัดให้การประชุมใหญ่สามัญประจำปีปีละ 1 ครั้ง ภายในเดือนกรกฎาคมของทุกปี
ข้อ 25. การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
25.1 แถลงกิการที่ผ่านมาในรอบปี
25.2 แถลงบัญชีรายรับ รายจ่ายและบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมาให้สมาชิกรับทราบ
25.3 เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่เมื่อครบกำหนดวาระ
25.4 เลือกตั้งผู้สอบบัญชี ถ้ามี
25.5 เรื่องอื่นๆ ถ้าที
หมวดที่ 5
การเงินและทรัพย์สิน
ข้อ 26. สมาคมมีรายได้จากแหล่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
26.1 จากค่าธรรมเนียมสมาชิก
26.2 จากเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาค
26.3 จากเงินอุดหนุนของมหาวิทยาลัย
26.4 จากการจัดกิจกรรมของสมาคม
26.5 จากรายได้อื่นๆ
ข้อ 27. การเงินของสมาคมให้ดำเนินการไปตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร และให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
ข้อ 28. ให้คณะกรรมการบริหารสมาคมรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินและการบัญชีและมีหน้าที่ จัดทำบัญชีทรัพย์สิน หนี้สิน ของสมาคมให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ และมีหน้าที่เสนอให้ผู้ตรวจบัญชีของสมาคมตรวจสอบและรับรองให้ถูกต้อง
ข้อ 29. เงินของสมาคมให้ฝากไว้ในสถาบันการเงินในนามของสมาคม
– ให้เหรัญญิกมีอำนาจเก็บเงินสดไว้ในมือเพื่อใช้จ่ายไม่เกินคราวละ 10,000 บาท
– นายกและเหรัญญิกของสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินไม่เกินคราวละ 50,000 บาท หากเกิน
กว่า 50,000 บาท จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการก่อนจึงจะสั่งจ่ายได้
ข้อ 30. การกำหนดรอบปีบัญชีให้เป็นไปตามปีปฏิทิน
ข้อ 31. คณะกรรมการบริหารสมาคม ต้องจัดทำรายงานแจ้งฐานะทางการเงินของสมาคมให้สมาชิกทราบ ก่อนมีการประชุมสามัญประจำปี
หมวดที่ 6
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับและการเลิกสมาคม
ข้อ 32. คณะกรรมการบริหารสมาคม หรือสมาชิกไม่น้อยกว่า 30 คน มีสิทธิ์ยื่นญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับของสมาคม โดยระบุสาระ หลักการ และเหตุผลในการขอแก้ไข
ข้อ 33. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับ จะต้องนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมใหญ่และจะต้องได้รับความเห็นชอบด้วยคะแนน เสียงไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มาประชุม
ข้อ 34. สมาคมนี้จะเลิกได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกสามัญทั้งหมด
ข้อ 35. เมื่อเลิกสมาคมแล้ว ให้ทรัพย์สินของสมาคมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เพื่อใช้เป็นกิจการของคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
หมวดที่ 7
บทเฉพาะกาล
ข้อ 36. ให้คณะผู้เริ่มการก่อตั้งสมาคมดังปรากฎรายชื่อในคำขอจดทะเบียนสมาคม ทำหน้าที่และรักษาการคณะกรรมการจนกว่าจะได้เลือกตั้งคณะกรรมการชุดแรกขึ้น
ข้อ 37. ให้คณะผู้เริ่มก่อการดำเนินการรับสมัครสมาชิกและเรียกประชุมใหญ่สามัญครั้งแรกภายใน180วัน นับจากวันจดทะเบียนสมาคม